top of page

“ถ้าผู้มีปัญญา

ย่อมระลึกถึงพระคุณ

ของผู้มีอุปการคุณได้ 

เราต้องระลึกถึงและตอบแทน

พระคุณของท่าน”

-หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก-

“ถ้าผู้มีปัญญา ย่อมระลึกถึงพระคุณของผู้มีอุปการคุณได้ 

เราต้องระลึกถึง และตอบแทนพระคุณของท่าน”

-หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก-

“ถ้าผู้มีปัญญา ย่อมระลึกถึงพระคุณของผู้มีอุปการคุณได้ 

เราต้องระลึกถึง และตอบแทนพระคุณของท่าน”

-หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก-

ประวัติหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

มีนามเดิมว่า : อินทร์ถวาย ผิวขำ

เกิดเมื่อ : วันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘

ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา

ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนมในขณะนั้น)

โยมบิดา : คุณพ่อแดง ผิวขำ

โยมมารดา : คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ

เป็นบุตรลำดับที่ ๖ ในจำนวนพี่น้อง ๗ คน

โดยเป็นผู้หญิง ๓ คน และผู้ชาย ๔ คน

ตระกูล “ผิวขำ” เป็นตระกูลสัมมาทิฐิ สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าภูไท มาตั้งรกราก ณ หมู่บ้านคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ปลูกหม่อน

เลี้ยงไหม ทอไหม

คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ คือผู้ที่ตั้งชื่อให้ว่า 

"อินทร์ถวาย

ประวัติหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

มีนามเดิมว่า : อินทร์ถวาย ผิวขำ

เกิดเมื่อ : วันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘

ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา

ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนมในขณะนั้น)

โยมบิดา : คุณพ่อแดง ผิวขำ

โยมมารดา : คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ

เป็นบุตรลำดับที่ ๖ ในจำนวนพี่น้อง ๗ คน

โดยเป็นผู้หญิง ๓ คน และผู้ชาย ๔ คน

ตระกูล “ผิวขำ” เป็นตระกูลสัมมาทิฐิ สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าภูไท มาตั้งรกราก ณ หมู่บ้านคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ปลูกหม่อน

เลี้ยงไหม ทอไหม

คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ คือผู้ที่ตั้งชื่อให้ว่า  "อินทร์ถวาย

ประวัติหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก มีนามเดิมว่า : อินทร์ถวาย ผิวขำ

เกิดเมื่อ : วันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา

ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนมในขณะนั้น)

โยมบิดา : คุณพ่อแดง ผิวขำ

โยมมารดา : คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ

เป็นบุตรลำดับที่ ๖ ในจำนวนพี่น้อง ๗ คน โดยเป็นผู้หญิง ๓ คน และผู้ชาย ๔ คน

ตระกูล “ผิวขำ” เป็นตระกูลสัมมาทิฐิ สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าภูไท มาตั้งรกราก ณ หมู่บ้านคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอไหม

โดยคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ คือผู้ที่ตั้งชื่อให้ว่า  "อินทร์ถวาย

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

เตรียมบรรพชา : ช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะที่หลวงพ่อมีอายุ ๑๑ ปี และพึ่งสำเร็จการศึกษาจากชั้น ป.๔ ในช่วงนั้น หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ได้มาจำพรรษา ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ทำให้หลวงพ่อได้มีโอกาสเข้าไปอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่หล้าที่วัด โดยหลวงปู่หล้าได้เมตตาสั่งสอน ข้อวัตร ข้อปฏิบัติ ของพระภิกษุสามเณรที่จะเข้ามาบวชในพุทธศาสนา และฝึกหลวงพ่อท่องขานนาค เตรียมบรรพชาเป็นสามเณร

บรรพชา : หลวงปู่หล้า เขมปัตโตได้พาหลวงพ่อไปบรรพชาสามเณร ณ วัดป่ากลางสนาม อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร (เดิมคือ ต.หนองสูง อ.คำชะอี จ.นครพนม) ในวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๐ โดยพระมุกดาหารโมลี เจ้าคณะอำเภอได้มอบหมายให้ หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ในการบรรพชาสามเณร

ชีวิตนักบวช

ชีวิตสามเณร : หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว หลวงพ่อได้อยู่ศึกษา ปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนากับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) เป็นระยะเวลา ๘ ปี โดยหลวงพ่อสามารถท่องสวดปาฏิโมกข์ได้ ตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร

 

อุปสมบท : เมื่อได้อายุครบอุปสมบท หลวงพ่อจึงได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุที่ วัดศิลาวิเวก อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในวันศุกร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านเป็นผู้ให้ฉายาหลวงพ่อว่า “สนฺตุสฺสโก” มีความหมายว่า ผู้มักน้อยสันโดษ

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

เตรียมบรรพชา : ช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะที่หลวงพ่อมีอายุ ๑๑ ปี และพึ่งสำเร็จการศึกษาจากชั้น ป.๔ ในช่วงนั้น หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ได้มาจำพรรษา ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ทำให้หลวงพ่อได้มีโอกาสเข้าไปอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่หล้าที่วัด โดยหลวงปู่หล้าได้เมตตาสั่งสอน ข้อวัตร ข้อปฏิบัติ ของพระภิกษุสามเณรที่จะเข้ามาบวชในพุทธศาสนา และฝึกหลวงพ่อท่องขานนาค เตรียมบรรพชาเป็นสามเณร

บรรพชา : หลวงปู่หล้า เขมปัตโตได้พาหลวงพ่อไปบรรพชาสามเณร ณ วัดป่ากลางสนาม อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร (เดิมคือ ต.หนองสูง อ.คำชะอี จ.นครพนม) ในวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๐ โดยพระมุกดาหารโมลี เจ้าคณะอำเภอได้มอบหมายให้ หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ในการบรรพชาสามเณร

ชีวิตนักบวช

ชีวิตสามเณร : หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว หลวงพ่อได้อยู่ศึกษา ปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนากับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) เป็นระยะเวลา ๘ ปี โดยหลวงพ่อสามารถท่องสวดปาฏิโมกข์ได้ ตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร

 

อุปสมบท : เมื่อได้อายุครบอุปสมบท หลวงพ่อจึงได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุที่ วัดศิลาวิเวก อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในวันศุกร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านเป็นผู้ให้ฉายาหลวงพ่อว่า “สนฺตุสฺสโก” มีความหมายว่า ผู้มักน้อยสันโดษ

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

เตรียมบรรพชา : ช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะที่หลวงพ่อมีอายุ ๑๑ ปี และพึ่งสำเร็จการศึกษาจากชั้น ป.๔ ในช่วงนั้น หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ได้มาจำพรรษา ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ทำให้หลวงพ่อได้มีโอกาสเข้าไปอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่หล้าที่วัด โดยหลวงปู่หล้าได้เมตตาสั่งสอน ข้อวัตร ข้อปฏิบัติ ของพระภิกษุสามเณรที่จะเข้ามาบวชในพุทธศาสนา และฝึกหลวงพ่อท่องขานนาค เตรียมบรรพชาเป็นสามเณร

บรรพชา : หลวงปู่หล้า เขมปัตโตได้พาหลวงพ่อไปบรรพชาสามเณร ณ วัดป่ากลางสนาม อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร (เดิมคือ ต.หนองสูง อ.คำชะอี จ.นครพนม) ในวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๐ โดยพระมุกดาหารโมลี เจ้าคณะอำเภอได้มอบหมายให้ หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ในการบรรพชาสามเณร

ชีวิตนักบวช

ชีวิตสามเณร : หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว หลวงพ่อได้อยู่ศึกษา ปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนากับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) เป็นระยะเวลา ๘ ปี โดยหลวงพ่อสามารถท่องสวดปาฏิโมกข์ได้ ตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร

 

อุปสมบท : เมื่อได้อายุครบอุปสมบท หลวงพ่อจึงได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุที่ วัดศิลาวิเวก อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในวันศุกร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านเป็นผู้ให้ฉายาหลวงพ่อว่า “สนฺตุสฺสโก” มีความหมายว่า ผู้มักน้อยสันโดษ

การจำพรรษา

พ.ศ. ๒๕๐๘ : พรรษาแรก หลวงพ่อได้อยู่จำพรรษา กับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ที่วัดภูจ้อก้อ
 

พ.ศ. ๒๕๐๙ : พรรษาที่ ๒ ได้ไปจำพรรษากับ

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ  ที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม

บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ๑ พรรษา
 

พ.ศ. ๒๕๑๐ : พรรษาที่ ๓ หลวงพ่อได้ติดตามองค์หลวงปู่จาม ขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ และได้มีโอกาสจำพรรษากับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าวจ.เชียงใหม่ เป็นเวลา ๑ พรรษา

 

พ.ศ. ๒๕๑๑ : พรรษาที่ ๔ หลวงพ่อได้กลับลงมาจากเชียงใหม่ และได้มาจำพรรษา กับหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ที่วัดป่าห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร อีกครั้ง
 

พ.ศ. ๒๕๑๒ : ตั้งแต่พรรษาที่ ๕ เป็นต้นไป หลวงพ่อได้เข้าไปศึกษาและจำพรรษากับ องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี (พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๒๕) รวมเป็นระยะเวลากว่า ๑๓ ปี

ในช่วงนอกพรรษาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นต้นมา หลวงพ่อได้ลาองค์หลวงตา มาเที่ยววิเวกธุดงค์ ในแถบ จ.อุดรธานี เลย หนองคาย สกลนคร นครพนม และ มุกดาหารเพื่อปฏิบัติภาวนาหาความสงบเข้าสู่จิตใจ ตามแนวแถวพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระธุดงค์กรรมฐาน

การจำพรรษา

พ.ศ. ๒๕๐๘ : พรรษาแรก ได้อยู่จำพรรษา กับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ที่วัดภูจ้อก้อ
พ.ศ. ๒๕๐๙ : พรรษาที่ ๒ ได้ไปจำพรรษากับ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม

                 บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ๑ พรรษา
พ.ศ. ๒๕๑๐ : พรรษาที่ ๓ หลวงพ่อได้ติดตามองค์หลวงปู่จาม ขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ และได้มีโอกาส

                 จำพรรษากับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าวจ.เชียงใหม่ เป็นเวลา ๑ พรรษา

พ.ศ. ๒๕๑๑ : พรรษาที่ ๔ หลวงพ่อได้กลับลงมาจากเชียงใหม่ และได้มาจำพรรษา
                 กับหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ที่วัดป่าห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร อีกครั้ง
พ.ศ. ๒๕๑๒ : ตั้งแต่พรรษาที่ ๕ เป็นต้นไป หลวงพ่อได้เข้าไปศึกษาและจำพรรษากับ
                 องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

                 (พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๒๕) รวมเป็นระยะเวลากว่า ๑๓ ปี

ในช่วงนอกพรรษาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นต้นมา หลวงพ่อได้ลาองค์หลวงตา มาเที่ยววิเวกธุดงค์ ในแถบ จ.อุดรธานี เลย หนองคาย สกลนคร นครพนม และ มุกดาหารเพื่อปฏิบัติภาวนาหาความสงบเข้าสู่จิตใจ ตามแนวแถวพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระธุดงค์กรรมฐาน

การจำพรรษา

พ.ศ. ๒๕๐๘ : พรรษาแรก ได้อยู่จำพรรษา กับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ที่วัดภูจ้อก้อ
พ.ศ. ๒๕๐๙ : พรรษาที่ ๒ ได้ไปจำพรรษากับ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม

                 บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ๑ พรรษา
พ.ศ. ๒๕๑๐ : พรรษาที่ ๓ หลวงพ่อได้ติดตามองค์หลวงปู่จาม ขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ และได้มีโอกาส

                 จำพรรษากับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าวจ.เชียงใหม่ เป็นเวลา ๑ พรรษา

พ.ศ. ๒๕๑๑ : พรรษาที่ ๔ หลวงพ่อได้กลับลงมาจากเชียงใหม่ และได้มาจำพรรษา
                 กับหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ที่วัดป่าห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร อีกครั้ง
พ.ศ. ๒๕๑๒ : ตั้งแต่พรรษาที่ ๕ เป็นต้นไป หลวงพ่อได้เข้าไปศึกษาและจำพรรษากับ
                 องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

                 (พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๒๕) รวมเป็นระยะเวลากว่า ๑๓ ปี

ในช่วงนอกพรรษาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นต้นมา หลวงพ่อได้ลาองค์หลวงตา มาเที่ยววิเวกธุดงค์ ในแถบ จ.อุดรธานี เลย หนองคาย สกลนคร นครพนม และ มุกดาหารเพื่อปฏิบัติภาวนาหาความสงบเข้าสู่จิตใจ ตามแนวแถวพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระธุดงค์กรรมฐาน

จากบ้านตาดสู่นาคำน้อย

พ.ศ. ๒๕๒๓ : หลวงพ่อได้มีโอกาสเที่ยววิเวกธุดงค์มาที่ บริเวณเขต อ.นายูง จ.อุดรธานี

เห็นว่าเป็นสถานที่สัปปายะเหมาะ สำหรับการปฏิบัติภาวนา และได้รับการอาราธนาจาก คณะศรัทธาญาติโยม พุทธบริษัทในท้องที่ให้จำพรรษา ณ สถานที่แห่งนั้น แต่องค์หลวงตาได้ให้หลวงพ่อกลับ ไปช่วยกิจยังวัดป่าบ้านตาดก่อน

 

กระทั่งกาลต่อมาหลวงพ่อจึงได้กลับ มายังเขตอำเภอนายูงอีกครั้งและได้ร่วมกับศรัทธาญาติโยมในท้องที่หมู่บ้านนาคำน้อย ร่วมก่อตั้ง “วัดป่านาคำน้อย” ขึ้น โดยองค์หลวงตาได้เมตตาตั้งชื่อวัดให้ว่า “วัดอุดมมงคลวนาราม” หลวงพ่ออินทร์ถวาย ได้ออกจากวัดป่าบ้านตาดในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยได้อยู่ศึกษาปฏิบัติธรรมและจำพรรษาร่วมกับองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด รวมเป็นระยะเวลากว่า ๑๓ ปี
 

พ.ศ. ๒๕๒๖ : พรรษาที่ ๑๙ หลวงพ่อได้เริ่มจำพรรษา ณ วัดป่านาคำน้อย พร้อมทั้งพัฒนา   
เสนาสนะภายในวัดมาตามลำดับ

 

พ.ศ. ๒๕๒๙ : วัดป่านาคำน้อยได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง
 

พ.ศ. ๒๕๓๑ : วัดป่านาคำน้อยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และในปีเดียวกันหลวงพ่อได้รับ การแต่งตั้งให้เป็น  พระอธิการอินทร์ถวาย สันตุสสโก ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย  ในขณะพรรษา ๒๓

จากบ้านตาดสู่นาคำน้อย

พ.ศ. ๒๕๒๓ : หลวงพ่อได้มีโอกาสเที่ยววิเวกธุดงค์มาที่ บริเวณเขต อ.นายูง จ.อุดรธานี

เห็นว่าเป็นสถานที่สัปปายะเหมาะ สำหรับการปฏิบัติภาวนา และได้รับการอาราธนาจาก คณะศรัทธาญาติโยม พุทธบริษัทในท้องที่ให้จำพรรษา ณ สถานที่แห่งนั้น แต่องค์หลวงตาได้ให้หลวงพ่อกลับ ไปช่วยกิจยังวัดป่าบ้านตาดก่อน

 

กระทั่งกาลต่อมาหลวงพ่อจึงได้กลับ มายังเขตอำเภอนายูงอีกครั้งและได้ร่วมกับศรัทธาญาติโยมในท้องที่หมู่บ้านนาคำน้อย ร่วมก่อตั้ง “วัดป่านาคำน้อย” ขึ้น โดยองค์หลวงตาได้เมตตาตั้งชื่อวัดให้ว่า “วัดอุดมมงคลวนาราม” หลวงพ่ออินทร์ถวาย ได้ออกจากวัดป่าบ้านตาดในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยได้อยู่ศึกษาปฏิบัติธรรมและจำพรรษาร่วมกับองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด รวมเป็นระยะเวลากว่า ๑๓ ปี
 

พ.ศ. ๒๕๒๖ : พรรษาที่ ๑๙ หลวงพ่อได้เริ่มจำพรรษา ณ วัดป่านาคำน้อย พร้อมทั้งพัฒนา   
                 เสนาสนะภายในวัดมาตามลำดับ
พ.ศ. ๒๕๒๙ : วัดป่านาคำน้อยได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง
พ.ศ. ๒๕๓๑ : วัดป่านาคำน้อยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และในปีเดียวกันหลวงพ่อได้รับ การแต่งตั้งให้เป็น  พระอธิการอินทร์ถวาย สันตุสสโก ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย  ในขณะพรรษา ๒๓

จากบ้านตาดสู่นาคำน้อย

พ.ศ. ๒๕๒๓ : หลวงพ่อได้มีโอกาสเที่ยววิเวกธุดงค์มาที่ บริเวณเขต อ.นายูง จ.อุดรธานี เห็นว่าเป็นสถานที่

                 สัปปายะเหมาะ สำหรับการปฏิบัติภาวนา และได้รับการอาราธนาจาก คณะศรัทธาญาติโยม

                 พุทธบริษัทในท้องที่ให้จำพรรษา ณ สถานที่แห่งนั้น แต่องค์หลวงตาได้ให้หลวงพ่อกลับ           

                 ไปช่วยกิจยังวัดป่าบ้านตาดก่อน

 

กระทั่งกาลต่อมาหลวงพ่อจึงได้กลับ มายังเขตอำเภอนายูงอีกครั้งและได้ร่วมกับศรัทธาญาติโยมในท้องที่หมู่บ้านนาคำน้อย ร่วมก่อตั้ง “วัดป่านาคำน้อย” ขึ้น โดยองค์หลวงตาได้เมตตาตั้งชื่อวัดให้ว่า “วัดอุดมมงคลวนาราม” หลวงพ่ออินทร์ถวาย ได้ออกจากวัดป่าบ้านตาดในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยได้อยู่ศึกษาปฏิบัติธรรมและจำพรรษาร่วมกับองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด รวมเป็นระยะเวลากว่า ๑๓ ปี
 

พ.ศ. ๒๕๒๖ : พรรษาที่ ๑๙ หลวงพ่อได้เริ่มจำพรรษา ณ วัดป่านาคำน้อย พร้อมทั้งพัฒนา   
                 เสนาสนะภายในวัดมาตามลำดับ
พ.ศ. ๒๕๒๙ : วัดป่านาคำน้อยได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง
พ.ศ. ๒๕๓๑ : วัดป่านาคำน้อยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และในปีเดียวกันหลวงพ่อได้รับ การแต่งตั้งให้เป็น                    พระอธิการอินทร์ถวาย สันตุสสโก ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย  ในขณะพรรษา ๒๓

ประโยชน์ตนสู่ประโยชน์ท่าน

บทบาทต่อสาธารณะประโยชน์

- ประธานมูลนิธิพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)

- ประธานมูลนิธิหออภิบาลสงฆ์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น

- ประธานมูลนิธิอภิบาลสงฆ์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โรงพยาบาลอุดรธานี จ.อุดรธานี

- ประธานมูลนิธิวิริยะ ณ ศีลวันต์

- อดีตประธานมูลนิธิสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน วัดป่าบ้านตาด

- ประธานมูลนิธิสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน วัดป่านาคำน้อย

- ประธานการก่อสร้างฝ่ายบรรพชิตพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ จ.อุดรธานี

- ประธานการก่อสร้างเจดีย์เขมปัตตเจดีย์ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต จ.มุกดาหาร

- ประธานการก่อสร้างเจดีย์พระศรีไตรรัตนานุสรณ์ คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ จ.มุกดาหาร

ผลงานจากการสร้างคุณประโยชน์ต่อสาธารณะ

- รับรางวัลเข็มเสมาธรรมจักรทองคำ จากกระทรวงศึกษาธิการ

- รับพระราชทานรางวัลพระธาตุพนมทองคำ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

- รับโล่เชิดชูเกียรติ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

- รับโล่เกียรติคุณ เป็นหนึ่งใน ๑๒๑ คนดีเมืองอุดรธานี จากจังหวัดอุดรธานี

- รางวัลเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์แก่การศึกษาขั้นพื้นฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการ ศึกษาขั้นพื้นฐาน

- โล่เกียรติคุณ ประธานกิตติมศักดิ์ฯ ในการระดมทุนการศึกษา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

- รางวัลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมและศาสนาประจำปี ๖๕ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

- รางวัลเสาเสมาธรรมจักรพระราชทาน สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

- พ.ศ. ๒๕๖๕ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปรัชญาและศาสนาตะวันออก)  มหาวิทยาลัยขอนแก่น

- พ.ศ. ๒๕๖๖ ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (อาชีวศึกษา) ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

- พ.ศ. ๒๕๖๖ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนา ม.ราชภัฏอุดรธานี

จากประโยชน์ตนสู่ประโยชน์ท่าน

บทบาทต่อสาธารณะประโยชน์

- ประธานมูลนิธิพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)

- ประธานมูลนิธิหออภิบาลสงฆ์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น

- ประธานมูลนิธิอภิบาลสงฆ์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โรงพยาบาลอุดรธานี จ.อุดรธานี

- ประธานมูลนิธิวิริยะ ณ ศีลวันต์

- อดีตประธานมูลนิธิสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน วัดป่าบ้านตาด

- ประธานมูลนิธิสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน วัดป่านาคำน้อย

- ประธานการก่อสร้างฝ่ายบรรพชิตพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ จ.อุดรธานี

- ประธานการก่อสร้างเจดีย์เขมปัตตเจดีย์ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต จ.มุกดาหาร

- ประธานการก่อสร้างเจดีย์พระศรีไตรรัตนานุสรณ์ คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ จ.มุกดาหาร

ผลงานจากการสร้างคุณประโยชน์ต่อสาธารณะ

- รับรางวัลเข็มเสมาธรรมจักรทองคำ จากกระทรวงศึกษาธิการ

- รับพระราชทานรางวัลพระธาตุพนมทองคำ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

- รับโล่เชิดชูเกียรติ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

- รับโล่เกียรติคุณ เป็นหนึ่งใน ๑๒๑ คนดีเมืองอุดรธานี จากจังหวัดอุดรธานี

- รางวัลเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์แก่การศึกษาขั้นพื้นฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการ ศึกษาขั้นพื้นฐาน

- โล่เกียรติคุณ ประธานกิตติมศักดิ์ฯ ในการระดมทุนการศึกษา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

- รางวัลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมและศาสนาประจำปี ๖๕ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

- รางวัลเสาเสมาธรรมจักรพระราชทาน สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

- พ.ศ. ๒๕๖๕ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปรัชญาและศาสนาตะวันออก)  มหาวิทยาลัยขอนแก่น

- พ.ศ. ๒๕๖๖ ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (อาชีวศึกษา) ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

- พ.ศ. ๒๕๖๖ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนา ม.ราชภัฏอุดรธานี

จากประโยชน์ตนสู่ประโยชน์ท่าน

บทบาทต่อสาธารณะประโยชน์

- ประธานมูลนิธิพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)

- ประธานมูลนิธิหออภิบาลสงฆ์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น

- ประธานมูลนิธิอภิบาลสงฆ์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โรงพยาบาลอุดรธานี จ.อุดรธานี

- ประธานมูลนิธิวิริยะ ณ ศีลวันต์

- อดีตประธานมูลนิธิสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน วัดป่าบ้านตาด

- ประธานมูลนิธิสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน วัดป่านาคำน้อย

- ประธานการก่อสร้างฝ่ายบรรพชิตพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ฯ จ.อุดรธานี

- ประธานการก่อสร้างเจดีย์เขมปัตตเจดีย์ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต จ.มุกดาหาร

- ประธานการก่อสร้างเจดีย์พระศรีไตรรัตนานุสรณ์ คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ จ.มุกดาหาร

ผลงานจากการสร้างคุณประโยชน์ต่อสาธารณะ

- รับรางวัลเข็มเสมาธรรมจักรทองคำ จากกระทรวงศึกษาธิการ

- รับพระราชทานรางวัลพระธาตุพนมทองคำ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

- รับโล่เชิดชูเกียรติ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

- รับโล่เกียรติคุณ เป็นหนึ่งใน ๑๒๑ คนดีเมืองอุดรธานี จากจังหวัดอุดรธานี

- รางวัลเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์แก่การศึกษาขั้นพื้นฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน

- โล่เกียรติคุณ ประธานกิตติมศักดิ์ฯ ในการระดมทุนการศึกษา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

- รางวัลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมและศาสนาประจำปี ๖๕ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

- รางวัลเสาเสมาธรรมจักรพระราชทาน สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

- พ.ศ. ๒๕๖๕ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปรัชญาและศาสนาตะวันออก) มหาวิทยาลัยขอนแก่น

- พ.ศ. ๒๕๖๖ ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (อาชีวศึกษา) ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

- พ.ศ. ๒๕๖๖ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนา ม.ราชภัฏอุดรธานี

ถวายมุทิตาสักการะ

๘ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ องค์หลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์

พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่

"พระราชภาวนาวชิรากร สุนทรญาณวรกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

 

ปัจจุบัน : พ.ศ. ๒๕๖๖ หลวงพ่อมีอายุ ๗๘ ปี พรรษา ๕๘

ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วัดป่านาคำน้อย และ รักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล

เวลาเข้ากราบหลวงพ่อ

ท่านสามารถเข้ากราบหลวงพ่อได้ ๒ เวลาคือ

๑.เวลาเช้า    : หลังฉันจังหันเช้าเสร็จ ตั้งแต่ ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น.

๒.เวลาบ่าย   : ณ โรงน้ำร้อน เวลา ๑๔.๐๐-๑๗.๐๐ น.

ตารางกิจนิมนต์

ตรวจสอบตารางกิจนิมนต์

ถวายมุทิตาสักการะ

๘ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ องค์หลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์

พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่

"พระราชภาวนาวชิรากร สุนทรญาณวรกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

 

ปัจจุบัน : พ.ศ. ๒๕๖๖ หลวงพ่อมีอายุ ๗๘ ปี พรรษา ๕๘

ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วัดป่านาคำน้อย และ รักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล

ถวายมุทิตาสักการะ

๘ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ องค์หลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์

พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่

"พระราชภาวนาวชิรากร สุนทรญาณวรกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

 

ปัจจุบัน : พ.ศ. ๒๕๖๖ หลวงพ่อมีอายุ ๗๘ ปี พรรษา ๕๘

ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วัดป่านาคำน้อย และ รักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล

เวลาเข้ากราบหลวงพ่อ

ท่านสามารถเข้ากราบหลวงพ่อได้ ๒ เวลาคือ

๑.เวลาเช้า    : หลังฉันจังหันเช้าเสร็จ ตั้งแต่ ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น.

๒.เวลาบ่าย   : ณ โรงน้ำร้อน เวลา ๑๔.๐๐-๑๗.๐๐ น.

ตารางกิจนิมนต์

ตรวจสอบตารางกิจนิมนต์

ถวายมุทิตาสักการะ

๘ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๖๔

องค์หลวงพ่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์

พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่

"พระราชภาวนาวชิรากร

สุนทรญาณวรกิจ ยติคณิสสร

บวรสังฆาราม คามวาสี"

 

ปัจจุบัน : พ.ศ. ๒๕๖๖ หลวงพ่อมีอายุ ๗๘ ปี

พรรษา ๕๘

ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วัดป่านาคำน้อย

และ รักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล

เวลาเข้ากราบหลวงพ่อ

ท่านสามารถเข้ากราบหลวงพ่อได้ ๒ เวลาคือ

๑.เวลาเช้า

หลังฉันจังหันเช้าเสร็จ ตั้งแต่ ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น.

๒.เวลาบ่าย

ณ โรงน้ำร้อน เวลา ๑๔.๐๐-๑๗.๐๐ น.

ตารางกิจนิมนต์

ตรวจสอบตารางกิจนิมนต์

bottom of page