top of page

“ถ้าผู้มีปัญญา

ย่อมระลึกถึงพระคุณ

ของผู้มีอุปการคุณได้ 

เราต้องระลึกถึงและตอบแทน

พระคุณของท่าน”

-หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก-

“ถ้าผู้มีปัญญา ย่อมระลึกถึงพระคุณของผู้มีอุปการคุณได้ 

เราต้องระลึกถึง และตอบแทนพระคุณของท่าน”

-หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก-

“ถ้าผู้มีปัญญา ย่อมระลึกถึงพระคุณของผู้มีอุปการคุณได้ 

เราต้องระลึกถึง และตอบแทนพระคุณของท่าน”

-หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก-

ประวัติหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก 
มีนามเดิมว่า : อินทร์ถวาย ผิวขำ
เกิดเมื่อ : วันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘
ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา
ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนมในขณะนั้น)
โยมบิดา : คุณพ่อแดง ผิวขำ
โยมมารดา : คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ

เป็นบุตรลำดับที่ ๖ ในจำนวนพี่น้อง ๗ คน
โดยเป็นผู้หญิง ๓ คน และผู้ชาย ๔ คน
ตระกูล “ผิวขำ” เป็นตระกูลสัมมาทิฐิ สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าภูไท มาตั้งรกราก ณ หมู่บ้านคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ปลูกหม่อน
เลี้ยงไหม ทอไหม
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ คือผู้ที่ตั้งชื่อให้ว่า 
"อินทร์ถวาย"

ประวัติหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

มีนามเดิมว่า : อินทร์ถวาย ผิวขำ

เกิดเมื่อ : วันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘

ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา

ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนมในขณะนั้น)

โยมบิดา : คุณพ่อแดง ผิวขำ

โยมมารดา : คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ

เป็นบุตรลำดับที่ ๖ ในจำนวนพี่น้อง ๗ คน

โดยเป็นผู้หญิง ๓ คน และผู้ชาย ๔ คน

ตระกูล “ผิวขำ” เป็นตระกูลสัมมาทิฐิ สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าภูไท มาตั้งรกราก ณ หมู่บ้านคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ปลูกหม่อน

เลี้ยงไหม ทอไหม

คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ คือผู้ที่ตั้งชื่อให้ว่า  "อินทร์ถวาย

ประวัติหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก มีนามเดิมว่า : อินทร์ถวาย ผิวขำ

เกิดเมื่อ : วันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา

ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนมในขณะนั้น)

โยมบิดา : คุณพ่อแดง ผิวขำ

โยมมารดา : คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ

เป็นบุตรลำดับที่ ๖ ในจำนวนพี่น้อง ๗ คน โดยเป็นผู้หญิง ๓ คน และผู้ชาย ๔ คน

ตระกูล “ผิวขำ” เป็นตระกูลสัมมาทิฐิ สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าภูไท มาตั้งรกราก ณ หมู่บ้านคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอไหม

โดยคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ คือผู้ที่ตั้งชื่อให้ว่า  "อินทร์ถวาย

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

เตรียมบรรพชา : ช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะที่หลวงพ่อมีอายุ ๑๑ ปี และพึ่งสำเร็จการศึกษาจากชั้น ป.๔ ในช่วงนั้น หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ได้มาจำพรรษา ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ทำให้หลวงพ่อได้มีโอกาสเข้าไปอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่หล้าที่วัด โดยหลวงปู่หล้าได้เมตตาสั่งสอน ข้อวัตร ข้อปฏิบัติ ของพระภิกษุสามเณรที่จะเข้ามาบวชในพุทธศาสนา และฝึกหลวงพ่อท่องขานนาค เตรียมบรรพชาเป็นสามเณร

บรรพชา : หลวงปู่หล้า เขมปัตโตได้พาหลวงพ่อไปบรรพชาสามเณร ณ วัดป่ากลางสนาม อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร (เดิมคือ ต.หนองสูง อ.คำชะอี จ.นครพนม) ในวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๐ โดยพระมุกดาหารโมลี เจ้าคณะอำเภอได้มอบหมายให้ หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ในการบรรพชาสามเณร

ชีวิตนักบวช

ชีวิตสามเณร : หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว หลวงพ่อได้อยู่ศึกษา ปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนากับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) เป็นระยะเวลา ๘ ปี โดยหลวงพ่อสามารถท่องสวดปาฏิโมกข์ได้ ตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร

 

อุปสมบท : เมื่อได้อายุครบอุปสมบท หลวงพ่อจึงได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุที่ วัดศิลาวิเวก อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในวันศุกร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านเป็นผู้ให้ฉายาหลวงพ่อว่า “สนฺตุสฺสโก” มีความหมายว่า ผู้มักน้อยสันโดษ

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

เตรียมบรรพชา : ช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะที่หลวงพ่อมีอายุ ๑๑ ปี และพึ่งสำเร็จการศึกษาจากชั้น ป.๔ ในช่วงนั้น หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ได้มาจำพรรษา ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ทำให้หลวงพ่อได้มีโอกาสเข้าไปอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่หล้าที่วัด โดยหลวงปู่หล้าได้เมตตาสั่งสอน ข้อวัตร ข้อปฏิบัติ ของพระภิกษุสามเณรที่จะเข้ามาบวชในพุทธศาสนา และฝึกหลวงพ่อท่องขานนาค เตรียมบรรพชาเป็นสามเณร

บรรพชา : หลวงปู่หล้า เขมปัตโตได้พาหลวงพ่อไปบรรพชาสามเณร ณ วัดป่ากลางสนาม อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร (เดิมคือ ต.หนองสูง อ.คำชะอี จ.นครพนม) ในวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๐ โดยพระมุกดาหารโมลี เจ้าคณะอำเภอได้มอบหมายให้ หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ในการบรรพชาสามเณร

ชีวิตนักบวช

ชีวิตสามเณร : หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว หลวงพ่อได้อยู่ศึกษา ปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนากับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) เป็นระยะเวลา ๘ ปี โดยหลวงพ่อสามารถท่องสวดปาฏิโมกข์ได้ ตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร

 

อุปสมบท : เมื่อได้อายุครบอุปสมบท หลวงพ่อจึงได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุที่ วัดศิลาวิเวก อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในวันศุกร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านเป็นผู้ให้ฉายาหลวงพ่อว่า “สนฺตุสฺสโก” มีความหมายว่า ผู้มักน้อยสันโดษ

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

เตรียมบรรพชา : ช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะที่หลวงพ่อมีอายุ ๑๑ ปี และพึ่งสำเร็จการศึกษาจากชั้น ป.๔ ในช่วงนั้น หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ได้มาจำพรรษา ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ทำให้หลวงพ่อได้มีโอกาสเข้าไปอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่หล้าที่วัด โดยหลวงปู่หล้าได้เมตตาสั่งสอน ข้อวัตร ข้อปฏิบัติ ของพระภิกษุสามเณรที่จะเข้ามาบวชในพุทธศาสนา และฝึกหลวงพ่อท่องขานนาค เตรียมบรรพชาเป็นสามเณร

บรรพชา : หลวงปู่หล้า เขมปัตโตได้พาหลวงพ่อไปบรรพชาสามเณร ณ วัดป่ากลางสนาม อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร (เดิมคือ ต.หนองสูง อ.คำชะอี จ.นครพนม) ในวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๐ โดยพระมุกดาหารโมลี เจ้าคณะอำเภอได้มอบหมายให้ หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เจ้าคณะตำบล เป็นพระอุปัชฌาย์ในการบรรพชาสามเณร

ชีวิตนักบวช

ชีวิตสามเณร : หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว หลวงพ่อได้อยู่ศึกษา ปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนากับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) เป็นระยะเวลา ๘ ปี โดยหลวงพ่อสามารถท่องสวดปาฏิโมกข์ได้ ตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร

 

อุปสมบท : เมื่อได้อายุครบอุปสมบท หลวงพ่อจึงได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุที่ วัดศิลาวิเวก อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในวันศุกร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านเป็นผู้ให้ฉายาหลวงพ่อว่า “สนฺตุสฺสโก” มีความหมายว่า ผู้มักน้อยสันโดษ